พาส่องอาชีพในโรงพยาบาล ที่คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามี!

Posted: 29/04/2025

อาชีพในโรงพยาบาล

เมื่อพูดถึงอาชีพในโรงพยาบาล หลายคนอาจนึกถึงแพทย์และพยาบาลเป็นอันดับแรก แต่ความจริงแล้ว โรงพยาบาลเป็นองค์กรที่ซับซ้อนและมีตำแหน่งงานที่หลากหลายมากค่ะ ซึ่งตำแหน่งมากมายเหล่านี้มีไว้เพื่อช่วยสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

แต่นอกจากบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้การรักษาโดยตรงแล้ว ยังมีตำแหน่งงานในโรงพยาบาลอีกมากมายที่คอยทำหน้าที่ด้านการวิจัย เทคโนโลยีทางการแพทย์ การจัดการระบบ และให้บริการที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาลค่ะ

บทความนี้แอดมินจะพาคุณไปรู้จักกับ 7 สายงานในโรงพยาบาลที่คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามีพร้อมอธิบายหน้าที่และบทบาทของแต่ละตำแหน่งให้ฟังกันซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อระบบสาธารณสุขไม่แพ้แพทย์และพยาบาลเลยนะคะ

ทำไมอาชีพในโรงพยาบาล ถึงมีมากกว่าแพทย์และพยาบาล?

การดูแลสุขภาพไม่ได้เป็นเพียงหน้าที่ของแพทย์และพยาบาลเท่านั้น แต่แผนกต่าง ๆ ในโรงพยาบาลจะทำงานร่วมกันเพื่อให้การดูแลรักษามีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ เช่น

  • - งานเทคนิคทางการแพทย์

    จะทำหน้าที่วิเคราะห์ตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการ การตรวจรังสี และการทำกายภาพบำบัด

  • - งานสนับสนุนการรักษา

    เช่น นักโภชนาการ และนักเวชศาสตร์การสื่อความหมาย

  • - งานบริหารและความปลอดภัย

    เช่น เจ้าหน้าที่บริหารความเสี่ยงและเจ้าหน้าที่เวชระเบียน

บุคลากรเหล่านี้ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น และทำให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่ดีที่สุด

งานในโรงพยาบาล

7 อาชีพในโรงพยาบาลที่น่าสนใจ คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามี

นอกจากแพทย์และพยาบาลที่เป็นกำลังหลักของโรงพยาบาลแล้ว ยังมีอีกหลายตำแหน่งที่ทำงานอยู่เบื้องหลังเพื่อสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยและช่วยให้โรงพยาบาลดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาชีพเหล่านี้อาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ก็ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อระบบสาธารณสุขค่ะ

1. นักเทคนิคการแพทย์ (Medical Technologist)

นักเทคนิคการแพทย์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด ปัสสาวะ และสารคัดหลั่งต่าง ๆ เพื่อช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรค ซึ่งนอกจากการตรวจวิเคราะห์แล้ว พวกเขายังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมคุณภาพของผลตรวจให้มีความแม่นยำมากที่สุด โดยใช้เครื่องมือทางห้องปฏิบัติการขั้นสูง เช่น เครื่องวิเคราะห์โลหิต เครื่องเพาะเชื้อแบคทีเรีย และเทคนิคทางชีวโมเลกุลต่าง ๆ งานของพวกเขามีความสำคัญมาก เพราะผลการตรวจเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการวางแผนการรักษาที่แม่นยำและถูกต้องค่ะ

2. นักกายภาพบำบัด (Physical Therapist)

นักกายภาพบำบัดมีบทบาทในการช่วยฟื้นฟูร่างกายของผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ กระดูก และระบบประสาท เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือผู้สูงอายุที่ต้องการเสริมสร้างการเคลื่อนไหว พวกเขาจะใช้เทคนิคเฉพาะทาง เช่น การออกกำลังกายฟื้นฟู การนวดบำบัด และเครื่องมือทางกายภาพ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ นักกายภาพบำบัดยังทำงานร่วมกับแพทย์และทีมสุขภาพด้วย เพื่อออกแบบโปรแกรมฟื้นฟูที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายค่ะ

3. นักเวชศาสตร์การสื่อความหมาย (Speech Therapist)

ผู้ที่มีปัญหาด้านการพูด การออกเสียง หรือการกลืน เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือเด็กที่มีพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าปกติ จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากนักเวชศาสตร์การสื่อความหมาย ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถสื่อสารและใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยการใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การฝึกพูด การกระตุ้นกล้ามเนื้อปาก และการใช้เครื่องมือช่วยพูด เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารของผู้ป่วยให้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ

4. นักรังสีเทคนิค (Radiologic Technologist)

นักรังสีเทคนิคเป็นผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับ การถ่ายภาพทางการแพทย์ เช่น เอ็กซเรย์ อัลตราซาวด์ CT Scan และ MRI เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำขึ้น งานนี้ต้องใช้ทักษะในการควบคุมเครื่องมือพิเศษและการทำงานร่วมกับทีมแพทย์อย่างใกล้ชิดเลยค่ะ นอกจากนี้ นักรังสีเทคนิคยังต้องมีความเชี่ยวชาญในการป้องกันรังสีและความปลอดภัยของผู้ป่วยด้วย เพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับรังสีเกินขนาดค่ะ

5. นักโภชนาการ (Dietitian/Nutritionist)

โภชนาการเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น นักโภชนาการจะทำหน้าที่ให้คำแนะนำด้านอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละประเภท เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไต หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก อีกทั้ง นักโภชนาการยังทำงานร่วมกับแพทย์เพื่อออกแบบเมนูอาหารที่ส่งเสริมสุขภาพและฟื้นฟูร่างกายของผู้ป่วยในโรงพยาบาลด้วยนะคะ

6. นักสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ (Medical Social Worker)

นักสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ มีบทบาทในการให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับสิทธิในการรักษา การเข้าถึงทรัพยากรทางสังคม และการจัดการปัญหาชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ พวกเขาจะทำงานร่วมกับแพทย์และพยาบาล เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ครอบคลุมทุกด้าน นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ หลังการรักษาได้ดีขึ้นด้วยค่ะ

7. เจ้าหน้าที่บริหารความเสี่ยงในโรงพยาบาล (Healthcare Risk Manager)

ตำแหน่งนี้อาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่ก็มีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นข้อผิดพลาดทางการแพทย์ การจัดการด้านกฎหมาย หรือความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ พวกเขาจะทำหน้าที่คอยตรวจสอบมาตรฐานของโรงพยาบาล ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในการให้บริการสุขภาพค่ะ

สมัครงานในโรงพยาบาล

สรุป เปิดมุมมองใหม่กับอาชีพในโรงพยาบาล ที่คุณอาจไม่เคยรู้

โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่มีความหลากหลายมากกว่าที่หลายคนคิด อีกทั้งอาชีพในโรงพยาบาลก็ไม่ได้มีเพียงแพทย์และพยาบาลเท่านั้น แต่ยังมีบุคลากรในด้านต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสในการสมัครงานโรงพยาบาล การพิจารณาตำแหน่งงานที่หลากหลายที่แอดมินนำมาฝากนี้ อาจช่วยให้คุณค้นพบสายงานที่เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้นได้นะคะ ลองถามตัวเองและสำรวจความสนใจรวมถึงทักษะของคุณดูก่อน แล้วมาค้นหาเส้นทางอาชีพของตัวเองในโรงพยาบาลดูนะคะ!

  • แชร์บทความนี้

งานอื่นๆล่าสุด