ไวรัส mHPV คืออะไร?

Posted: 10/01/2025

ไวรัส mHPV คืออะไร?

ไวรัส mHPV คืออะไร?

ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว หลายคนอาจสังเกตเห็นว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ไอ น้ำมูกไหล หรือมีไข้ ซึ่งแต่ละช่วงก็จะมีไวรัสที่คนมักจะเป็นบ่อยๆ แต่ต่างกันไป และช่วงนี้ไวรัสที่มาแรงที่สุดคือ "ไวรัส hMPV" หรือ ฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (Human metapneumovirus) ไวรัส hMPV เป็นเชื้อไวรัสมาจากจีน ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ พบได้ในทุกช่วงอายุ แต่มีความเสี่ยงสูงในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ แล้วไวรัส mHPV อาการเป็นยังไงบ้างมาดูเลย!

เชื้อไวรัส hMPV ฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัสคืออะไร

เชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (Human metapneumovirus: hMPV) คือ ไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับ RSV ที่ทำให้เกิดอาการติดเชื้อในทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน ส่วนใหญ่พบในกลุ่มเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ ในผู้ใหญ่และเด็กโต ที่มีภูมิต้านทานดีหากติดเชื้อนี้ อาจจะมีอาการเหมือนแค่เป็นหวัดธรรมดา หรือไม่มีอาการก็ได้ แต่ในบางคน โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือคนที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มันอาจลุกลามจนทำให้เกิด ปอดอักเสบ ได้เช่นกัน โดยเชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส สามารถติดต่อกันผ่านทาง น้ำมูก น้ำลาย ไอ หรือจาม

อาการของผู้ติดเชื้อไวรัส hMPV

อาการของผู้ติดเชื้อไวรัส hMPV (Human Metapneumovirus) มักเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ และสามารถเกิดได้ตั้งแต่ระดับอ่อนถึงรุนแรง อาการหลักที่พบได้ทั่วไป ได้แก่

อาการเบื้องต้น

  • 1.ไข้ ผู้ป่วยอาจมีไข้ต่ำหรือสูงขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ
  • 2.ไอ ไอแห้งหรือมีเสมหะ เป็นอาการที่พบบ่อย
  • 3.น้ำมูกไหล คล้ายกับอาการของไข้หวัดธรรมดา
  • 4.คัดจมูก รู้สึกแน่นในจมูกหรือหายใจลำบาก

อาการที่รุนแรงขึ้น

  • 1.หายใจลำบาก มีอาการหอบเหนื่อย หายใจแรง หรือหายใจเสียงดัง
  • 2.เจ็บหน้าอก เกิดจากการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ
  • 3.อาการคล้ายหลอดลมอักเสบหรือปอดบวม มีเสมหะมากขึ้น ไข้สูง หรืออาการไอที่ไม่ทุเลา
  • 4.เสียงหวีดขณะหายใจ (Wheezing) มักพบในเด็กเล็กหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอด

hMPV ทำให้ปอดอักเสบได้อย่างไร?

  • 1.เริ่มต้นจากการติดเชื้อ : ไวรัส hMPV เข้าสู่ร่างกายทางจมูกหรือปาก แล้วลงไปในทางเดินหายใจ เช่น คอ หลอดลม และปอด
  • 2.ไวรัสทำลายเซลล์ในทางเดินหายใจ : ไวรัสจะไปเกาะกับเซลล์เยื่อบุผิวในทางเดินหายใจ แล้วทำให้เซลล์เหล่านั้นเสียหายหรือตาย
  • 3.เกิดการอักเสบ : เมื่อเซลล์ถูกทำลาย ร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบ ซึ่งทำให้มีน้ำและเมือกสะสมในปอด ส่งผลให้หายใจลำบาก
  • 4.ปอดอักเสบ : การอักเสบรุนแรงอาจทำให้ปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนอากาศได้ดี ทำให้มีอาการไข้ ไอ หอบเหนื่อย หรือเจ็บหน้าอก
ไวรัส mHPV คืออะไร?

กลุ่มเสี่ยงที่มีอาการรุนแรง

  • - เด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 2 ปี
  • - ผู้สูงอายุ
  • - ผู้ที่มี โรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง

เมื่อใดที่ควรพบแพทย์

  • - มีอาการหายใจลำบากหรือหอบเหนื่อย
  • - ไข้สูงที่ไม่ลดลงหลังจาก 3 วัน
  • - ซึม ไม่ตอบสนอง หรือมีอาการขาดน้ำ

ไวรัส hMPV ติดเชื้อได้อย่างไร

ไวรัส hMPV สามารถแพร่กระจายและติดเชื้อได้ในลักษณะเดียวกับไวรัสในระบบทางเดินหายใจทั่วไป การแพร่เชื้อเกิดขึ้นผ่านการสัมผัสกับของเหลวในร่างกายที่มีเชื้อ เช่น น้ำลาย น้ำมูก หรือเสมหะ โดยวิธีการแพร่เชื้อหลัก ได้แก่

1. การแพร่เชื้อผ่านละอองฝอยในอากาศ (Droplet Transmission)
  • - เมื่อผู้ติดเชื้อไอ จาม หรือพูด ละอองฝอยที่มีเชื้อไวรัสสามารถฟุ้งกระจายในอากาศ
  • - หากคนใกล้ชิดสูดละอองเหล่านี้เข้าไป ก็มีโอกาสติดเชื้อได้
2. การสัมผัสโดยตรง (Direct Contact)
  • - การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เช่น การจูบ การจับมือ หรือการสัมผัสน้ำมูก เสมหะ หรือของเหลวที่มีเชื้อ
3. การสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อ (Fomite Transmission)
  • - เชื้อไวรัส hMPV สามารถเกาะติดอยู่บนพื้นผิววัตถุต่าง ๆ เช่น ลูกบิดประตู โทรศัพท์มือถือ หรือของเล่น
  • - หากสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อแล้วนำมือไปสัมผัสจมูก ปาก หรือดวงตา เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้
4. การแพร่เชื้อในสถานที่แออัด
  • - สถานที่ที่มีผู้คนอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก หรือโรงพยาบาล มีความเสี่ยงสูงในการแพร่กระจายเชื้อ

ข้อควรระวังเพื่อลดการติดเชื้อ

  • 1.ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือใช้แอลกอฮอล์เจลล้างมือ
  • 2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะจมูก ปาก และดวงตา
  • 3.ใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัดหรือใกล้ชิดผู้ป่วย
  • 4. ทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย เช่น โต๊ะ ลูกบิดประตู หรือโทรศัพท์
  • 5.หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วย

โรคติดเชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (hMPV) เป็นโรคที่พบมานานและมักเกิดในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่การแพร่เชื้อมีโอกาสสูง คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีอาการผิดปกติที่เข้าข่าย ควรรีบนำลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อลดความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงขึ้น

  • แชร์บทความนี้

งานอื่นๆล่าสุด